“บลจ.ยูโอบี”...กับโอกาสแห่ง ‘การเติบโต’
>> “บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย)” ถือเป็นบลจ.ต่างประเทศที่ประสบความสำเร็จในการเข้ามารุกธุรกิจกองทุนในไทยรายหนึ่งเลยทีเดียว โดยเป็นบลจ.ที่มีสินทรัพย์สุทธิภายใต้การบริหาร (AUM) มากเป็น ‘อันดับ1’ ในกลุ่ม ‘บลจ.ต่างชาติ’ ในปัจจุบัน ด้วยขนาด AUM กว่า 2.14 แสนล้านบาท
“บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย)” ถือเป็นบลจ.ต่างประเทศที่ประสบความสำเร็จในการเข้ามารุกธุรกิจกองทุนในไทยรายหนึ่งเลยทีเดียว โดยเป็นบลจ.ที่มีสินทรัพย์สุทธิภายใต้การบริหาร (AUM) มากเป็น ‘อันดับ1’ ในกลุ่ม ‘บลจ.ต่างชาติ’ ในปัจจุบัน ด้วยขนาด AUM กว่า 2.14 แสนล้านบาท ครั้งนี้ทีมงาน “Whealthythai” มีโอกาสได้พูดคุยกับผู้นำองค์กรแห่งนี้ “วนา พูลผล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ยูโอบี (ประเทศทย) จำกัด ย่อมไม่พลาดที่สอบถามเรื่องราวต่างๆ ที่น่าสนใจมาฝากกันเช่นเคย
Whealthythai : ช่วงที่ผ่านมาก็มี ‘บลจ.ต่างชาติ’ เข้ามาซื้อบลจ.ไทย ในอดีตบลจ.ยูโอบีก็เคยทำมาแล้ว ในอนาคตถ้ามีคนสนใจขายบลจ. เราสนใจจะเข้าไปซื้อมั้ย?
วนา : เราไม่ได้ปฏิเสธการเติบโตจากการซื้อบลจ.อื่น แต่คงต้องดูว่าวัฒนธรรมองค์กรและแนวคิดในการทำธุรกิจไปด้วยกันได้หรือไม่ด้วย ในอดีตบริษัทก็เคยเข้าไปซื้อ ‘บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย)’ มาแล้ว ถ้าในอนาคตมีใครขายบลจ.อีก เราเองคงสนใจเช่นกัน แต่ในรายละเอียดคงต้องดูกันอีกครั้ง เพราะเครือข่ายสาขาแบงก์เรามีอยู่แล้ว หากบลจ.นั้นมาตอบโจทย์การเติบโตให้ได้ก็น่าสนใจ
“ถ้าให้เลือก ‘บลจ.เอกชน’ กับ ‘บลจ.รัฐ’ คงเลือกบลจ.เอกชนมากกว่า เพราะน่าจะมีวัฒนธรรมในการทำงานที่ใกล้เคียงกัน แต่จริงๆ ถ้าจะมีคงต้องดูรายละเอียดในหลายเรื่องประกอบกันด้วย”
Wealthythai : การเป็น “บลจ.ต่างชาติ” ช่วยในเรื่องของการทำธุรกิจอย่างไรบ้าง
วนา : บริษัทเป็นบลจ.ที่มีแม่เป็น ‘สิงคโปร์’ ซึ่งถือเป็นบริษัทจัดการที่ใหญ่ในระดับภูมิภาค ก็จะมีการแลกเปลี่ยนมุมมองในเรื่องต่างๆ ระหว่างกัน โดยเฉพาะการลงทุนก็จะทำให้เรามีข้อมูลต่างๆ จากแม่เราที่สิงคโปร์ด้วย การใช้ความเชี่ยวชาญ การสนับสนุนจากเครือข่ายในภูมิภาค รวมไปถึงการจับมือกับเครือข่าย ‘พันธมิตรทั่วโลก’ เพื่อเพิ่มโอกาสในการลงทุนที่หลากหลายสำหรับนักลงทุนได้เป็นอย่างดี
“เราอาจะจะเก่งในไทยและเอเชีย ถ้าออกไปนอกเอเชียเราก็มี ‘พันธมิตร’ ที่เก่งในสินทรัพย์ประเภทต่างๆ หรือเก่งในภูมิภาคต่างๆ มาช่วยเรา ซึ่งปัจจุบันเรามีพันธมิตร 10 กว่าราย เพื่อที่จะมองหาโอกาสการลงทุนที่มีอยู่ทั่วโลกมาตอบโจทย์ให้กับลูกค้าของเรานั่นเอง เพราะเราไม่สามารถทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จเพียงลำพังได้ ดังนั้น พันธมิตรจึงมีความสำคัญเช่นกัน”
Wealthythai : ปัจจุบันบลจ.ส่วนใหญ่มีการพัฒนานำเทคโนโลยีต่างๆ มาใช้ทั้งในเรื่องการลงทุนและการบริการ ‘บลจ.ยูโอบี’ ขยับเรื่องนี้อย่างไรบ้าง
วนา : (ตอบด้วยรอยยิ้มที่เปี่ยมความมั่นใจ...) บริษัทเรามุ่งเน้นการพัฒนาแนวทาง ‘นวัตกรรมดิจิตอล’ เพื่อให้สอดคล้องกับโลกยุคดิจิตอลที่มีการเคลื่อนไหวอย่างไม่หยุดยั้ง โดยมีการนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาพัฒนาในกระบวนการบริหาร “การลงทุน” เพื่อให้ผู้จัดการกองทุนสามารถเข้าถึงข้อมูลการลงทุนเชิงวิเคราะห์ได้อย่าง ‘เจาะลึก’ และ ‘แม่นยำ’ เพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องมือที่ช่วยในการบริหารการลงทุน นำไปสู่กระบวนการสร้างผลการดำเนินงานของกองทุนที่ดี ซึ่งถือหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของเราในปี 2019 นี้ ด้วย
“คงไม่ใช่การนำเทคโนโลยีมาแทนคนแต่ประการใด แต่นำมาช่วยผู้จัดการกองทุนมากกว่า เพราะข้อจำกัดของมนุษย์ก็มี เทคโนโลยีมาช่วยตรงนั้นได้เราก็เอาเข้ามาใช้ในการประมวลผลข้อมูลมหาศาลภายใต้เงื่อนไขต่างๆ โดยเราใช้ ‘Big Data’ มาเป็นข้อมูลให้กับผู้จัดการกองทุนในการตัดสินใจ เช่น มีการประมวลผลข้อมูลของหุ้นทั้งตลาด (SET+MAI) ภายใต้เงื่อนไขต่างๆ ซึ่งในแต่ละวันก็จะมีการแจ้งเตือนว่าหุ้นตัวไหนน่าสนใจหรือไม่น่าสนใจ หรือการประมวลผลเพื่อดูว่าหุ้นในดัชนีSET50 ตัวไหนมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นหรือปรับตัวลง เป็นต้น”
ในด้าน “การบริการ” บริษัทให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่องกับการคิดค้นและพัฒนาบริการออนไลน์ ในปีก่อนได้เปิดตัว Mobile application “UOBAM INVEST” ที่ได้รับรางวัล ‘Best Wealth Management Platform’ จาก Asia Asset Management ส่วนในปี2019 นี้รายังคงมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยชูบริการการทำธุรกรรมออนไลน์ หรือ “Premier Online” ซึ่งลูกค้าของบริษัทจะได้รับความสะดวกมากขึ้นจากขั้นตอนการสมัครใช้บริการและการใช้บริการซื้อขายหน่วยลงทุน
นอกจากนี้ บริษัทยังเล็งเห็นความสำคัญของการจัดสรรพอร์ตการลงทุนเพื่อตอบโจทย์การลงทุนระยะยาวของนักลงทุนแต่ละท่าน โดยได้นำเสนอบริการ “Premier Advice” ซึ่งเป็นบริการช่วยจัดพอร์ตการลงทุนออนไลน์ ผ่านขั้นตอนง่ายๆ เพื่อสร้างพอร์ตการลงทุนที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์และระดับความเสี่ยงที่นักลงทุนยอมรับได้
“ไม่เพียงเท่านี้ในช่วงไตรมาสที่2/19 นี้ บริษัทเตรียมเปิดบริการช่องทางการรับชำระค่าซื้อหน่วยลงทุนผ่านระบบ ‘QR Code’ ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะสร้างความสะดวก และรวดเร็วยิ่งขึ้นในการชำระค่าซื้อหน่วยลงทุนอีกเพิ่มเติมอีกด้วย”
ก่อนจาก “วนา” เชื่อมั่นว่า ด้วย ‘จุดแข็ง’ ของบริษัทและ ‘ผลงานที่ดีอย่างสม่ำเสมอ’ จะเป็นคีย์ที่ทำให้ธุรกิจในภาพรวมเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งในส่วนของ ‘กองทุนรวม’ , กองทุนส่วนบุคคล’ ตลอดจน ‘กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ’ ได้เช่นกัน