“บลจ.กสิกรไทย”...ผู้นำ ‘Digital Platform’

>>

เมื่อเทคโนโลยีได้เข้ามา Disruption ในหลากหลายอุตสาหรรม รวมถึงอุตสาหกรรมกองทุนด้วย ทำให้ทุกบลจ.ต้องปรับตัวขนานใหญ่ หนึ่งในผู้นำเรื่องของการสร้าง ‘Digital Platform’ รองรับการเปลี่ยนจนเรียกได้ว่าเป็น อันดับ1’ ในเรื่องนี้ก็คงไม่ผิดนัก นั่นก็คือ “บลจ.กสิกรไทย”

สิ้นปี2018 ‘บลจ.กสิกรไทย’ มีลูกค้าที่ทำธุรกรรมผ่านช่องทางดิจิตัล 2.57 แสนราย คิดเป็นสัดส่วนกว่า 20% จากผู้ลงทุนที่ทำธุรกรรมผ่านช่องทางดิจิตัลในอุตสาหกรรมที่มีอยู่ 1.33 ล้านราย เมื่อมีโอกาสได้พบกับแม่ทัพใหญ่ “วศิน วณิชย์วรนันต์” ประธานกรรมการบริหาร บลจ.กสิกรไทย จำกัด ทีมงาน Wealthythai จึงไม่พลาดที่จะเก็บเกี่ยวเรื่องราวสาระที่น่าสนใจมาฝากกันเช่นเคย

 

Wealthythai : เครือข่ายสาขาแบงก์เคยทำให้บลจ.ขนาดใหญ่ที่เป็นลูกแบงก์ได้เปรียบ แต่ เทคโนโลยี ปัจจุบัน ทำให้บลจ.เล็กก็เข้าถึงลูกค้าได้เช่นเดียวกันกับบลจ.ใหญ่ เขาก็ไม่คิดว่าเป็น จุดด้อยแล้วด้วย เรามองเรื่องนี้อย่างไรบ้าง?

วศิน : ด้วยเทคโนโลยีสามารถจะเชื่อม บลจ. เข้าถึงลูกค้าได้โดยตรงผ่าน Digital Platform ต่างๆ อันนี้เป็นเรื่องจริง หลายๆ ธนาคารก็หันมาขายกองทุนแบบ Open Architecture มากขึ้น คือ ไม่ได้ขายให้เฉพาะบลจ.ลูกตัวเองเท่านั้น ก็ถือเป็นโอกาสให้กับ บลจ.ขนาดเล็ก จริง ช่องว่างตรงนี้ก็ดูเสมือนจะไม่มีแล้วในปัจจุบัน

เราเองมองเห็นการเปลี่ยนแปลงในเรื่องเหล่านี้ และได้เริ่มวางรากฐานในการพัฒนาระบบที่เป็น Digital Platform ของบริษัทมาตั้งแต่ปี2016 ทำให้มี K-Cyber Invest และ My Pot Simulator เกิดขึ้น

ต่อมาในปี2017 เรายังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่องภายใต้แนวคิด “Robo Advisor” First in the market ทำให้เกิด Fund Navigator ,K-My PVD และ K-My Funds เกิดขึ้น ในปี2018 เราได้ขยับขึ้นสู่การเป็น Digital Wealth Advisor” อย่างเต็มรูปแบบ และในปี2019 เรายังคงพัฒนาสิ่งเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง

นั่นหมายความว่าเราได้ขยับออกไปอีกก้าวเช่นกัน ในขณะที่เทคโนโลยีมาเอื้อการแข่งขันให้กับบลจ.ขนาดเล็ก มันก็เอื้อให้กับบลจ.ขนาดใหญ่ด้วย โอเค...เรื่องเครือข่ายสาขาไม่ได้เป็นอุปสรรคในการนำเสนอกองทุนของบลจ.เล็กแล้ว แต่ผู้ลงทุนไม่ได้ต้องการแค่กองทุน หากแต่ต้องการ ผลลัพธ์ จากการลงทุนมากกว่า เราพัฒนา Digital Platform มาก็เพื่อตอบโจทย์ในเรื่องนี้”

 

Wealthythai : Didtal Platform ของ บลจ.กสิกรไทย  ไม่เหมือนที่อื่นหรือ?

วศิน : (ยิ้มอย่างอารมณ์ดีก่อนตอบว่า...) กว่าจะเป็น Digital Platform ในวันนี้เราใช้เวลาพัฒนามาต่อเนื่องตั้งแต่ปี2016 และปัจจุบันก็ยังไมคิดว่าจะมีที่ไหนทำได้แบบเราด้วย แล้วเราก็จะ ไม่หยุดนิ่ง แค่นี้ด้วย ในท้ายที่สุดมันจะเสมือนหนึ่งเป็นการให้คำแนะนำเป็นรายบุคคลเหมือนกองทุนส่วนบุคคลเลย แต่นักลงทุนทั่วไปก็สามารถได้รับคำแนะนำในลักษณะนั้นได้แบบเฉพาะราย ไม่ใช่ลักษณะของคำแนะนำที่จะไปใช้ได้กับทุกคนเหมือนกันหมด เราก็ไม่ได้หยุดนิ่งเช่นกัน เราจะช่วยให้ผู้ลงทุนประสบความสำเร็จในการลงทุนอย่างไรมากกว่า นั่นแหละที่ผู้ลงทุนต้องการ ไม่ใช่แค่ กองทุน

 

Wealthythai.com : มีเป้าการเติบโตในส่วนของ Digital Platform อย่างไรบ้าง?

วศิน : เรายังคงตั้งเป้าจะเป็น “ผู้นำ” ในเรื่องนี้ทั้งการนำเอาเทคโนโลยีมาใช้ ทั้งในเรื่องของ การลงทุน รวมถึง การบริการ ด้วย ในปี19 บริษัทตั้งเป้าหมายฐานลูกค้าที่ใช้บริการผ่านช่องทางดิจัล (Digital-based Users) เพิ่มขึ้นเป็น 325,000 รายจากลูกค้ากองทุนทั้งหมด หรือเพิ่มขึ้นจากสิ้นปี18 ประมาณ 26% หรือคิดเป็นสัเส่วนลูกค้าที่ทำธุรกรรมผ่านช่องทางดิจิตัลขึ้นเป็น 68% จากลูกค้ากองทุนทั้งหมด

“บริษัทคาดว่าในปี2023 อุตสาหกรรมกองทุนจะมีผู้ลงทุนเพิ่มขึ้นเป็น 4 ล้านราย และมีจำนวนผู้ลงทุนที่ทำธุรกรรมผ่านช่องทางดิจิตัลเพิ่มเป็น 1.7 ล้านราย ในส่วนของบริษัทเองคาดว่าจะมีลูกค้าเพิ่มขึ้นเป็น 1 ล้านราย และเป็นจำนวนผู้ลงทุนผ่านช่องทางดิจิตัลประมาณ 8 แสนราย หรือคิดเป็นสัดส่วน 80% ของลูกค้ากองทุนทั้งหมด และคิดเป็น เกือบครึ่ง ของนักลงทุนที่ทำธุรกรรมผ่านช่องทางดิจิตัลของทั้งอุตสาหกรรมเลยทีเดียว”

ก่อนจาก วศิน ฝากทิ้งทายว่า แทนที่เราจะปล่อยให้เทคโนโลยีเข้ามา Disrupt เราๆ ก็ ‘Disrupt’ ตัวเองก่อนเลย ด้วยการมองในมุมของลูกค้าซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนา Digital Platform ของเราขึ้นมา พยายามทำให้การลงทุนนั้นง่าย “Simplify your Investment Life” นั่นเอง