ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หรือที่เราเรียกกันสั้นๆว่า REIT ซึ่งย่อมาจาก Real Estate Investment Trust เป็นการลงทุน ที่มักได้รับความนิยมในช่วงที่ตลาดหุ้นมีความผันผวน เพราะมีผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ แถมยังมีโอกาสได้กำไรจากการขายหน่วยทรัสต์ (Capital Gain) ด้วย
หากจะพูดถึง REIT ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ก็มีอยู่หลากหลายประเภท ซึ่งนโยบายการลงทุนในสินทรัพย์ก็แตกต่างกันออกไป แต่ Wealthy Thai ขอหยิบยก REIT โรงแรมเพียงกองเดียวในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ลงทุนในทรัพย์สินที่อยู่ต่างประเทศ อย่าง SHREIT หรือ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์แบบต่ออายุได้เพื่อธุรกิจโรงแรมและสิทธิการเช่าสตราทีจิก ฮอสพิทอลลิตี้
สัปดาห์ที่ผ่านมาพึ่งจะประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2562 มีรายได้ 122.8 ล้านบาท และกำไร 64.8 ล้านบาท สูงสุดตั้งแต่เริ่มก่อตั้งกองทรัสต์ในเดือนธันวาคม 2560 ถือว่าทำผลงานออกมาได้ดีทีเดียว
มาลองย้อนกันดูดีกว่าว่า SHREIT ลงทุนในทรัพย์สินอะไรบ้าง? และทำไมผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ถึงเติบโตดีขนาดนี้
SHREIT ลงทุนในสินทรัพย์อะไรบ้าง?
ปัจจุบัน SHREIT เข้าลงทุนในกรรมสิทธิ์แบบต่ออายุได้ เพื่อประกอบธุรกิจโรงแรม และสิทธิการเช่าโรงแรม 3 แห่ง คือ
- กรรมสิทธิ์ที่มีกำหนดอายุของ โรงแรม Pullman Jakarta Central Park ในกรุงจากาตาร์ ประเทศอินโดนีเซีย เป็นโรงแรมระดับ5 ดาว จำนวน 317 ห้อง
- สิทธิการเช่าที่ดินและกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน โรงแรม Capri by Fraser ระดับ4 ดาว โดยมีห้องพักจำนวน 175 ห้อง
- สิทธิการเช่าที่ดินและกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน โรงแรม IBIS Saigon South ในเมืองโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม ระดับ3 ดาว จำนวน 140 ห้อง
ผลการดำเนินงานย้อนหลัง
ในปี 2561 กองทรัสต์มีรายได้รวม 418.83 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 141.62 ล้านบาท อีกทั้งมีมูลค่าทรัพย์สินทั้งสิ้น 143.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธ.ค. 62) เพิ่มขึ้นจากราคาซื้อสินทรัพย์ ณ วันที่จัดตั้งกองทรัสต์ซึ่งอยู่ที่ 130.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 9.6%
ไตรมาส 1/62 ทำรายได้-กำไรสูงสุดตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง
สำหรับไตรมาส 1 ปี 2562 กองทรัสต์ทำรายได้ 122.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 88.61 % และกำไร 64.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 675.79% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2561 ซึ่งสูงสุดตั้งแต่เริ่มก่อตั้งกองทรัสต์ในเดือนธันวาคม 2560
สาเหตุมาจากกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เพิ่มขึ้น หลังค่าเงินยูโรอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ รวมทั้งกำไรอื่นๆ ที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ต้นทุนทางการเงินลดลง จากการชำระคืนหนี้เดิมและกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินแห่งใหม่ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนผลประกอบการในระยะยาว นอกจากนี้ กองทรัสต์ยังประกาศจ่ายเงินปันผล 0.0959 บาทต่อหุ้น โดยขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 17 พ.ค. พร้อมกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 12 มิ.ย. นี้
ด้าน “ปธาน สมบูรณสิน” กรรมการผู้จัดการ บริษัท สตราทีจิก พร็อพเพอร์ตี้ อินเวสท์เตอร์ส จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ SHREIT บอกว่า แม้สภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกจะได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนจากปัจจัยหลายอย่าง แต่ธุรกิจท่องเที่ยวในภูมิภาคอาเซียนยังมีความแข็งแกร่ง โดยเฉพาะในประเทศเวียดนามและอินโดนีเซีย ซึ่งมีทรัพย์สินของกองทรัสต์ตั้งอยู่ อีกทั้งโรงแรมทั้งสามแห่งยังบริหารจัดการโดยเครือข่ายโรงแรมมืออาชีพ มีคุณภาพเป็นที่รู้จักในระดับสากล จึงได้รับการตอบรับจากนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจเป็นอย่างดี
นอกเหนือจากทรัพย์สินปัจจุบันที่ยังมีโอกาสเติบโตต่อเนื่อง SHREIT ยังอยู่ระหว่างหาโอกาสลงทุนเพิ่มเติมในสินทรัพย์ที่มีคุณภาพทั้งด้านทำเลที่ตั้ง และกระจายความเสี่ยงสู่กลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย
