“บลจ.เอ็มเอฟซี”...ส่ง ‘กอง M-MEGA’ ขายถึง 5 เม.ย. นี้
>> “บลจ.เอ็มเอฟซี”...ส่ง ‘กอง M-MEGA’ ลุยหุ้นแบบโฟกัสไม่เกิน 35 บริษัทในดัชนี SET50 เปิด IPO วันนี้-5 เม.ย. 19
“บลจ.เอ็มเอฟซี”...ส่ง ‘กอง M-MEGA’ ลุยหุ้นแบบโฟกัสไม่เกิน 35 บริษัทในดัชนี SET50 เปิด IPO วันนี้-5 เม.ย. 19
นายลิม ชอง บุน เดนนิส กรรมการผู้จัดการ บลจ.เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้เปิดขาย ‘กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี หุ้นไทย เมกะ(M-MEGA)’ มีนโยบายลงทุนในหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยคัดสรรหุ้นจำนวนไม่เกิน 35 บริษัท จากหุ้นกลุ่มดัชนี SET50 โดยเฉลี่ยในรอบบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน และมีกลยุทธ์การลงทุนแบบมุ่งหวังผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management) ซึ่งจะคัดเลือกหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และหรือมีศักยภาพในการเจริญเติบโตดี ประกอบกับการวิเคราะห์ทางเทคนิค และให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นที่ผ่านเกณฑ์การคัดเลือกเพื่อให้พอร์ตการลงทุนมีความผันผวนน้อยที่สุด พร้อมทั้งมีการปรับสัดส่วนการลงทุนให้สอดคล้องกับสภาวะตลาดการลงทุนในแต่ละขณะ
ทั้งนี้ผู้ถือหน่วยลงทุนสามารถเลือกชนิดหน่วยลงทุนคือ
- ‘ชนิดสะสมมูลค่า (M-MEGA-A)’ ซึ่งผู้ถือหน่วยจะรับรายได้จากส่วนต่างจากการลงทุน (capital gain) และสะสมผลประโยชน์จากการลงทุน (total return)
- ‘ชนิดจ่ายเงินปันผล (M-MEGA-D)’ ซึ่งผู้ถือหน่วยลงทุนจะมีโอกาสรับเงินปันผลอย่างน้อยปีละครั้ง
“จากความเห็นของสายบริหารกองทุนมองปัจจัยสนับสนุนการลงทุนได้แก่ การที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (BOT) คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ระดับ 1.75% ซึ่งเป็นระดับที่ผ่อนคลาย เอื้อต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และด้านการเมืองในประเทศมีความชัดเจนมากขึ้นภายหลังการเลือกตั้ง จะส่งผลบวกต่อเนื่องมายังความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการธุรกิจและนักลงทุนต่างชาติ
อีกทั้งประเด็นที่ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และยุติการปรับลดงบดุล มีแนวโน้มที่เงินดอลลาร์สหรัฐจะอ่อนค่า และเงินบาทจะกลับมาแข็งค่า ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ Fund Flow ไหลเข้ามา”
ทั้งนี้มีปัจจัยเสี่ยงได้แก่ การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ที่อาจส่งผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก และประเด็นเรื่องการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ที่อาจส่งผลกระทบช่วงสั้นต่อตลาด รวมถึงเสถียรภาพทางการเมืองภายในประเทศ หากเกิดรัฐบาลผสมขึ้น
นายลิม ยังกล่าวอีกว่า ‘กอง M-MEGA’ เหมาะสำหรับผู้สนใจลงทุนในระยะปานกลางถึงระยะยาว โดยคาดหวังผลตอบแทนระยะยาวที่ดีกว่าการลงทุนในตราสารหนี้ทั่วไป สามารถรับความผันผวนของราคาหุ้นที่กองทุนไปลงทุน ซึ่งอาจจะปรับตัวสูงขึ้นหรือลดลงต่ำกว่ามูลค่าที่ลงทุนและทำให้ขาดทุนได้ ผู้ลงทุนต้องศึกษาข้อมูลเพื่อทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน โดยผู้สนใจสามารถลงทุนขั้นต่ำครั้งแรกได้ตั้งแต่ 10,000 บาท โดยหลังการเสนอขายครั้งแรกกองทุนจะเปิดให้ซื้อหรือขายคืนหน่วยลงทุนได้ทุกวันทำการ