“กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.)”

>>

 นักลงทุนสถาบันรายใหญ่ของไทย มีเม็ดเงินลงทุน (ณ สิ้นปี18) กว่า 3.82 แสนล้านบาท

ในช่วงปลายปี18 กบข.ได้ตั้งพอร์ตลงทุน ‘ESG-Focused Portfolio’ เน้นลงทุนในหุ้นยั่งยืนที่ดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึง ‘สิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (Environment, Social and Governance: ESG)’ ด้วยเงินลงทุน 1,000 ล้านบาท ถือเป็นนักลงทุนสถาบันรายแรกของไทยที่ลงทุนในหุ้น ESG อย่างเป็นรูปธรรม

 


“วิทัย รัตนากร” เลขาธิการคณะกรรมการ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.)  บอกว่า กระบวนการลงทุนของกบข.มีการคำนึงถึงเรื่อง ESG อยู่แล้ว แต่เราต้องการทำให้เกิดการลงทุนจริง มีกองทุนจริงๆ มาลงทุนในหุ้น ESG เพื่อให้เกิดเป็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน ไม่ใช่การพูดเพื่อสร้างภาพแถลงข่าวแล้วจบไปในลักษณะนั้น กบข.ได้จัดสรรเงิน 1,000 ล้านบาท เป็นเงินใหม่เพื่อลงทุนในพอร์ต ‘ESG-Focused Portfolio’ ช่วงปลายปี18 โดยเกณฑ์ในการคัดกรองหุ้น ESG นั้น ประกอบด้วย

1) ต้องเป็นหุ้นที่อยู่ในดัชนีหุ้นยั่งยืนของตลาดหลักทรัพย์ (Thailand Sustainability Index: THIS)

2) ต้องผ่านเกณฑ์ประเมินมาตรฐาน ESG ภายในของกบข.(GPF-ESG Standard Criteria) ซึ่งประกอบด้วย เกณฑ์เจตนารมณ์พื้นฐาน เกณฑ์การประกอบธุรกิจ เกณฑ์ความโปร่งใส และเกณฑ์การกำกับดูแลที่ดี จะเป็น 4 เกณฑ์ที่เราจะใช้ในการกลั่นกรองหุ้น

3) ต้องเป็นหุ้นที่อยู่ใน SET100 เพราะหุ้นต้องมีขนาดใหญ่และมีสภาพคล่องพอสมควร ทั้งนี้ กบข. ยังให้ความสำคัญกับกิจการที่สมัครร่วมโครงการแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านการทุจริต (Thailand’s Private Sector Collective Action Coalition Against Corruption: CAC) ด้วย

            “จากเกณฑ์ในการคัดกรองหุ้นดังกล่าวทำให้เหลือหุ้นที่จะลงทุนใน ESG-Focused Portfolio (Universe) ทั้งสิ้น 33 บริษัท ในปัจจุบัน ด้วยการบริหารแบบเชิงรุก (Active Management) ที่ใช้ทีมผู้จัดการกองทุนของกบข.เองนั้น คงจะลงทุนทั้งหมด 33 บริษัท แต่น้ำหนักอาจจะมากน้อยแตกต่างกันไปขึ้นกับผู้จัดการกองทุนในการตัดสินใจ โดยจะใช้ดัชนี SET THSI เป็นตัวเทียบวัด (Benchmark) ด้วย”

            กบข.ต้องการเป็น ‘ผู้นำ’ การลงทุนที่ส่งเสริม ESG ในไทย เราเป็นนักลงทุนสถาบันแห่งแรกที่ลงทุนในหุ้นของบริษัทที่มี ESG จริงๆ และจากการศึกษาในต่างประเทศพบว่าบริษัทที่มี ESG ในระยะยาวจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าบริษัทปกติ การลงทุนอย่างรับผิดชอบนอกจากจะช่วยสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนแล้ว ยังช่วยลดความเสี่ยงด้านการเงินและการเสียชื่อเสียง พร้อมส่งเสริมสังคมให้ดำรงอยู่และเติบโตอย่างยั่งยืน

“นอกจากนี้ยังเป็นอีกหนึ่งในแผนงานสำคัญ ที่จะทำให้ กบข. บรรลุเป้าหมายการเป็นผู้นำและริเริ่มการลงทุนที่ส่งเสริม ESG พร้อมเชิญชวนให้นักลงทุนสถาบันให้ความสำคัญกับการลงทุนในกิจการที่มี ESG เช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นบลจ. ประกัน หน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนที่มีเงินลงทุนที่ต้องบริหารจัดการของตัวเองอยู่แล้ว เป็นต้น”

วิทัย ยังบอกอีกว่า ในปี 2019 กบข. จะพิจารณาเพิ่มมูลค่าการลงทุนใน ESG Focused Portfolio ตลอดจนการศึกษาเพื่อขยายการลงทุนในไปในกองทุน ESG ของต่างประเทศ ไม่เพียงเท่านี้ยังจะขยายการลงทุนโดยยึดหลัก ESG ไปยังสินทรัพย์ทุกประเภท รวมถึงการลงทุนทางเลือกด้วย นอกจากบทบาทของนักลงทุนสถาบันแล้ว กบข.ยังมีบทบาทในการพัฒนาตลาดทุนด้วย การตั้งพอร์ต ESG-Focused Portfolio เป็นเพียงจุดเริ่มต้นในการสร้างการลงทุนในหุ้น ESG ให้เกิดเป็นรูปธรรมขึ้นมา

“เรายังจะส่งเสริมการลงทุนโดยยึดหลัก ESG อย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศและในภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง ถ้านักลงทุนสถาบันอื่นๆ หันมาจัดตั้งกองทุนเพื่อลงทุนในหุ้นที่มี ESG ด้วยจะส่งผลกระทบต่อประเทศไทยมากทีเดียว”

 

            หากมี นักลงทุนสถาบัน’ หันมาจัดตั้งกองทุนเพื่อลงทุนในหุ้น ESG มากขึ้น เงินลงทุนในหุ้น ESG ก็จะมีมากขึ้น ถ้าทุกคนมาร่วมกันใช้ SET THIS ก็จะทำให้เกิดผลลัพธ์จริงๆ กับหุ้น ESG ในไทยก้าวขึ้นมาเป็นที่ยอมรับของนักลงทุนสถาบันมากขึ้นในอนาคต