ผลวิจัยของ ‘ธนาคารเอชเอสบีซี’ เผยว่าบริษัทในเอเชียยกเทคโนโลยี ความยั่งยืน และคนเป็นแรงขับสำคัญของการเติบโตในอนาคต
ผลสำรวจระดับโลกล่าสุดของ ‘ธนาคารเอชเอสบีซี’ เปิดเผยว่า องค์กรธุรกิจทั่วเอเชียเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นว่าโอกาสการเติบโตธุรกิจในอนาคตขึ้นอยู่กับเทคโนโลยี ความยั่งยืน และการพัฒนาบุคลากรที่มีศักยภาพเป็นสำคัญ เพื่อใช้ประโยชน์จากความก้าวหน้าทางด้านดิจิทัล ขณะที่ 1 ใน 3 ขององค์กรธุรกิจในเอเชียกำลังให้ความสำคัญกับการขยายตลาดใหม่ ๆ แต่พบว่ามีธุรกิจจำนวนมากกว่านั้นกำลังหันไปสนใจปรับปรุงผลิตภาพการผลิต (productivity) และเทคโนโลยีใหม่ ๆ
ทั้งหมดข้างต้นนี้ เป็นข้อค้นพบที่สำคัญจากการสำรวจครั้งล่าสุดของ ‘ธนาคารเอชเอสบีซี’ ในหัวข้อ “Navigator: Made for the Future” โดยได้สอบถามความเห็นขององค์กรธุรกิจกว่า 2,500 แห่งในตลาด 14 แห่งทั่วโลก โดยรวมถึงบริษัทกว่า 1,300 แห่งจากประเทศเศรษฐกิจหลักทั้ง 7 แห่งในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก
“การสัมภาษณ์เก็บข้อมูลสำหรับการสำรวจในหัวข้อ Navigator: Made for the Future จัดทำขึ้นในประเทศออสเตรเลีย แคนาดา จีนแผ่นดินใหญ่ ฝรั่งเศส เยอรมนี ฮ่องกง อินเดีย อินโดนีเซีย มาเลเซีย เม็กซิโก สิงคโปร์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา ในเดือนพฤษภาคม ปี 2019
นวัตกรรมสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจในเอเชีย
ผลสำรวจเปิดเผยว่า 43% ของบริษัทในเอเชียระบุว่า ‘นวัตกรรม’ เป็นสิ่งที่สำคัญมากในการนำไปสู่ความสำเร็จในอนาคต เทียบกับ 42% ของบริษัทในยุโรป และ 29% ของบริษัทในอเมริกาเหนือ
ตลาดส่วนใหญ่ในเอเชีย ระบุว่านวัตกรรมเป็นเรื่องสำคัญอันดับแรกสำหรับการลงทุน โดยมุ่งเน้น 2 ด้านหลัก นั่นคือ ‘บุคลากร’ และ ‘แพลตฟอร์ม’ ซึ่งทั้ง 2เรื่องนี้สอดคล้องอย่างมากกับผลสำรวจทั่วโลก
นายสจ็วต เทต ผู้อำนวยการบริหาร ธุรกิจพาณิชย์ธนกิจ ประจำภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก ธนาคารเอชเอสบีซี เชื่อว่า บริษัทในเอเชียมีความสุขและเชื่อมั่นต่อภาพรวมในอนาคตมากกว่าบริษัทในภูมิภาคอื่น ๆ ทั่วโลก เนื่องจากความคึกคักของเศรษฐกิจในภูมิภาค ด้วยความเป็นเมืองที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น ชนชั้นกลางที่เติบโตขึ้น ตลอดจนการลงทุนภายในภูมิภาคเอเชียและกิจกรรมทางการค้าที่มีทิศทางเชิงบวก ธุรกิจจึงกำลังมองเห็นโอกาสมากกว่าการเป็นภัยคุกคามที่อาจจะเกิดขึ้น
“บริษัทในเอเชียกำลังบริหารจัดการเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่กำลังพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว บริษัทในเอเชียเข้าใจดีถึงการพลิกโฉมธุรกิจแบบเดิม ๆ และตระหนักว่าผลิตภาพการผลิตและเทคโนโลยีใหม่ ๆ เป็นสิ่งสำคัญต่อความเจริญรุ่งเรืองและความยืนนานของธุรกิจ”
การปรับเปลี่ยนไปสู่... “การลงทุนอย่างยั่งยืน” ในเอเชีย
จากผลการวิจัยพบว่า 44% ของบริษัทในเอเชียคาดหวังที่จะเติบโตราว 3-5% ในอีก 2 ปีข้างหน้า ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าบริษัทในเอเชียเชื่อมั่นในโอกาสการเติบโตธุรกิจมากกว่าบริษัทในยุโรป ซึ่งมีสัดส่วนที่ 32% และบริษัทในอเมริกาเหนือ ที่ 30% และบริษัทในเอเชียกำลังแสวงหาโอกาสในการแสดงความรับผิดชอบทางสิ่งแวดล้อมและสังคม เพื่อมุ่งไปสู่การเติบโตที่คาดหวังนี้
นายเทต ยังกล่าวอีกว่า กลยุทธ์สำหรับธุรกิจในเอเชียไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่การเติบโตเสมอไป ธุรกิจกำลังมุ่งมั่นทุ่มเทด้าน ‘ความยั่งยืน’ มากกว่าเดิม เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคต โดย 50% ของบริษัทกำลังวางแผนที่จะลงทุนด้านความยั่งยืนเพิ่มขึ้น
ผลสำรวจยังเปิดเผยถึงความต้องการดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืนที่สวนทางกันของบริษัทในเอเชีย เมื่อเทียบกับบริษัทในยุโรป ซึ่งมีสัดส่วนที่ 39% และบริษัทในอเมริกาเหนือ ที่ 45% โดยในบรรดาตลาดเอเชียที่ทำการสำรวจ พบว่า
- บริษัทในอินเดีย (59%)
- บริษัทในอินโดนีเซีย (57%) และ
- บริษัทในจีนแผ่นดินใหญ่ (60%) นำหน้าบริษัทอื่นๆ ในเอเชีย
คุณเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตแล้วหรือยัง
ผลการสำรวจเปิดเผยว่า ‘เทคโนโลยี’ กำลังผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของบุคลากรในอนาคตในเอเชีย บริษัทหลายแห่งมีวัตถุประสงค์ควบคู่กันสำหรับการใช้เทคโนโลยี โดยมุ่งผลักดันไปสู่การเป็นองค์กรที่เข้าใจความรู้สึกของลูกค้า และการเพิ่มทักษะของบุคลากร
ในด้านการให้ความสำคัญต่อลูกค้า พบว่า กว่า 3 ใน 4 ของบริษัทในเอเชีย (78%) เชื่อว่าการบูรณาการเทคโนโลยีใหม่ๆ จะช่วยให้พนักงานเข้าใจความต้องการของลูกค้าได้ดีขึ้น
นอกจากนี้ การสำรวจยังพบว่า การนำเทคโนโลยีมาเปลี่ยนแปลงรูปแบบการดำเนินธุรกิจกำลังส่งผลต่อทักษะที่พนักงานจำเป็นต้องมีเพื่อให้สามารถแข่งขันได้ในอนาคต 21% ของบริษัทในเอเชียกำลังลงทุนเพื่อเพิ่มทักษะการตลาดดิจิทัล 17% กำลังลงทุนในแบบแผนธุรกิจอย่างยั่งยืน 18% กำลังลงทุนด้านการคิดออกแบบระบบ ซึ่งสอดคล้องกับบริษัทอื่น ๆ ในยุโรป และในอเมริกาเหนือ
นายเทต ให้ทัศนะต่อสถานที่ทำงานในอนาคตของเอเชียว่า ธุรกิจจะแข็งแรงได้ก็ต่อเมื่อบุคลากรมีศักยภาพ ด้วยวิวัฒนาการของเทคโนโลยี ถึงเวลาแล้วที่องค์กรต้องฝึกฝนและพัฒนาบุคลากรให้พร้อมด้วยการใช้เทคโนโลยี เพื่อที่พวกเขาจะสามารถเจริญก้าวหน้าไปพร้อม ๆ กัน
“ธุรกิจกำลังให้ความสำคัญกับบุคลากรในการดำเนินงาน แน่นอนว่าบริษัทในเอเชียเห็นว่าการยกระดับทักษะแรงงานและเทคโนโลยีเป็นหัวใจสำคัญที่จะนำไปสู่บทพิสูจน์ความสำเร็จของธุรกิจ กลยุทธ์ และบุคลากรของตนเองในอนาคต”