“ตลาดหุ้นเวียดนาม” มีความน่าสนใจมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมาโดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนในหุ้นจะลงทุนด้วยตัวเองหรือลงทุนผ่าน ‘กองทุนรวม’ ก็ตาม เหตุผลหนึ่งคือเวียดนามในวันนี้เหมือนไทยในอดีตเมื่อ 20 กว่าปีก่อน ดังนั้นทั้งเศรษฐกิจและตลาดหุ้นของเวียดนามนั้นยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมากเลยทีเดียว แต่ก็เป็นตลาดที่มาพร้อมกับ ‘ความเสี่ยง’ ที่สูงกว่าเช่นกัน
ปัจจุบัน ‘หุ้นเวียดนาม’ มีอยู่ 2 ตลาด คือ ‘โฮจิมินห์’ กับ ‘ฮานอย’ ถือเป็นตลาดหุ้นกลุ่ม “ตลาดชายขอบ (Frontier Market)” เรียกว่ายังไม่ได้เข้ามาเป็น “ตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market)” เลย ดังนั้นเรื่องความเสี่ยงสูงจึงเป็นของธรรมดาไป แต่ก็แลกมาด้วยโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีใน ‘ระยะยาว’ ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา จึงมีบลจ.บางแห่งนำเสนอ ‘กองหุ้นเวียดนาม’ ออกมาเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุนไทยกัน
ปัจจุบัน (ณ 30 เม.ย. 19) มีอยู่ 8 กอง มีสินทรัพย์สุทธิรวมกัน 6,984.13 ล้านบาท หรือเฉลี่ยต่อกอง 873.02 ล้านบาท ช่วง 4 เดือนที่ผ่านมาทำผลตอบแทนเฉลี่ยได้ 4.51% โดยกองที่มีผลงานดีสุดทำได้ 8.71% ในขณะที่กองที่แย่สุดอยู่ที่ 1.58% หรือต่างกันอยู่ 7.13%
“ใน 8 กองทุน มี 4 กอง คิดเป็น 50% ของทั้งหมด ที่ชนะค่าเฉลี่ยของกลุ่ม ในขณะที่อีก 4 กอง คิดเป็น 50% ของทั้งหมด แพ้ค่าเฉลี่ยของกลุ่ม เรียกว่าแพ้-ชนะอย่างละครึ่ง แม้จะไปลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนามเหมือนกันก็ตาม ดังนั้นการเลือกกองทุนยังมีความสำคัญเช่นกัน”
โดยผลตอบแทน (ณ 30 เม.ย. 19) ย้อนหลัง 1 ปี กลุ่ม ‘กองหุ้นเวียดนาม’ ยังให้ผลตอบแทนเฉลี่ยติดลบ 13.22%
‘เวียดนาม’ จัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง และแน่นอนกำไรบริษัทจดทะเบียนก็จะโตในระดับที่สูงตามเศรษฐกิจไปด้วย จึงไม่แปลกที่ในระยะยาวผลตอบแทนคาดหวังจากการลงทุนใน ‘หุ้นเวียดนาม’ จะมองกันระดับเฉลี่ย 20% ต่อปี ขึ้นไป แต่ก็แลกมาด้วย ‘ความผันผวนสูงในระยะสั้น’ ด้วยเช่นกัน เหวี่ยงมากขนาดไหนคุณต้องไปคิดดูกันเอาเอง ขนาด ‘เซียนหุ้นไทย’ ไปบาดเจ็บหมดสภาพกลับมาแล้วล่ะกัน
“โดยหนึ่งในความน่าสนใจที่หยิบยกกันมาพูดถึงอีกประเด็น คือ โอกาสที่จะถูกนำมาคำนวณในดัชนี MSCI EM เลื่อนชั้นขึ้นมาเป็นตลาดเกิดใหม่ในอนาคต ซึ่งจะดึงดูดเม็ดเงินลงทุนต่างชาติเข้ามาได้อีกมากเลยทีเดียว”
อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดอย่างหนึ่งของ ‘หุ้นเวียดนาม’ คือเรื่องของ ‘สภาพคล่อง’ และมีข้อจำกัดในเรื่องสัดส่วนการถือครองหุ้นของ ‘ต่างชาติ’ จึงทำให้หุ้นมีการซื้อขายกันที่ ‘พรีเมี่ยม’ จึงไม่น่าแปลกใจว่า ‘กองหุ้นเวียดนาม’ ส่วนใหญ่จะมีการลงทุนผ่าน ‘กองทุน ETF’ ด้วยส่วนหนึ่งเพื่อช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับกองทุน รวมถึงอาจจะมีการจำกัดช่วงเวลาในการ ‘ซื้อ-ขาย’ เอาไว้ เช่น ทุกสิ้นไตรมาส เป็นต้น
“ถือเป็นเงื่อนไขที่นักลงทุนที่สนใจจะลงทุนใน ‘กองหุ้นเวียดนาม’ พึงศึกษารายละเอียดให้ดีก่อนลงทุนด้วยเช่นกัน”
หากคุณเป็นหนึ่งในคนที่ชื่นชอบความเสี่ยง มองหาโอกาสทำกำไรระยะยาวที่สูงกว่าตลาดหุ้นไทย ‘กองหุ้นเวียดนาม’ น่าจะเป็นอีกทางเลือกที่ตอบโจทย์คุณได้ใน ‘ระยะยาว’ ที่สำคัญควรแบ่งเงินไปเพื่อลงทุนเท่านั้น ไม่ใช่ทุ่มหมดหน้าตักไปแต่ประการใด