“ก.ล.ต.” เปิดแผนนำเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกผู้ลงทุนเข้าถึงบริการในตลาดทุนได้ง่ายเพื่อสร้างความมั่งคั่งวัยเกษียณ โดยเปิดบัญชีได้ทุกที่ทุกเวลา เปลี่ยนรูปแบบบริการได้เร็ว พร้อมสนับสนุนผู้ประกอบการใช้ระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล (National Digital ID Platform หรือ NDID) ยกระดับมาตรฐานกระบวนการทำความรู้จักลูกค้าผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-KYC) รับสังคมยุคดิจิทัล
นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวในงานสัมมนาเรื่อง “เตรียมความพร้อมตลาดทุนไทยสู่ KYC ยุคดิจิทัล” ว่า ในปัจจุบันแม้จะมีเทคโนโลยีเข้ามาช่วยให้การลงทุนหุ้นและกองทุนรวมทำได้สะดวกและรวดเร็ว แต่การเปิดบัญชีซื้อขายซึ่งถือเป็นก้าวแรกของการใช้บริการตลาดทุนยังใช้เวลาค่อนข้างนาน เนื่องจากส่วนใหญ่ยังใช้รูปแบบเดิมที่ใช้เวลาประมาณ 5 - 7 วัน จึงจะเริ่มใช้บริการได้ ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อการเข้าถึงตลาดทุน
ก.ล.ต. จึงมีแผนที่จะผลักดันให้มีการเปิดช่องทางให้ผู้ลงทุนเข้าถึงบริการในตลาดทุนได้ง่าย และสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบที่ต้องการรับบริการได้สะดวกรวดเร็ว (ease of switching) ซึ่งจะช่วยขยายฐานและตอบโจทย์ผู้ลงทุนที่ต้องการจะใช้บริการตลาดทุนในการเสริมสร้างความมั่งคั่งและมีทรัพย์สินเพียงพอสำหรับวัยเกษียณ
“การจะไปถึงเป้าหมายดังกล่าวได้ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมี 3 สิ่งสำคัญ คือ โครงสร้างพื้นฐานที่จะเชื่อมโยงทุกคนเข้าด้วยกัน มีกฎกติกาที่จะทำให้การแลกเปลี่ยนภายใต้โครงสร้างพื้นฐานนั้นมีความน่าเชื่อถือ และจะต้องมีชุดข้อมูลที่ตกลงว่าจะแลกเปลี่ยนร่วมกันภายใต้โครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด”
นางสาวอาชินี ปัทมะสุคนธ์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายนโยบายธุรกิจตัวกลาง ก.ล.ต. กล่าวว่า แผนงานของ ก.ล.ต. ในการผลักดันให้เกิด ease of switching ในตลาดทุนไทย จะแบ่งเป็น 3 ระยะ ได้แก่
- ยกระดับมาตรฐาน e-KYC โดย ก.ล.ต. จัดทำแนวทางปฏิบัติในการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการทำความรู้จักลูกค้า เพื่อให้ผู้ประกอบธุรกิจที่จะปรับใช้เทคโนโลยีในกระบวนการในการรู้จักลูกค้า (KYC) มีความมั่นใจ
- สนับสนุนการใช้ระบบ NDID เพื่อลดความซ้ำซ้อนในการพิสูจน์ตัวตน และยังเป็นระบบที่มีความน่าเชื่อถือและมีกฎหมายรองรับ ทั้งยังลดภาระค่าใช้จ่ายในการพัฒนาและบำรุงรักษาระบบ
- สนับสนุนการสร้างกติกาในเรื่องการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างผู้ประกอบธุรกิจ พร้อมพัฒนาระบบงานเพื่อรองรับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อลดภาระผู้ลงทุนในการให้ข้อมูลหลักฐานซ้ำ ๆ เมื่อต้องการปรับเปลี่ยนบริการใหม่
นายบุญสันต์ ประสิทธิ์สัมฤทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บจ.เนชั่นแนลดิจิทัลไอดี ซึ่งเป็นการร่วมลงทุนของหน่วยงานในตลาดเงินและตลาดทุน กล่าวว่า ‘ระบบ NDID’ ถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานหนึ่งที่สำคัญที่ช่วยให้
การพิสูจน์และยืนยันตัวตน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นในการทำธุรกรรมต่าง ๆ ได้เร็วและง่าย แต่ยังคงไว้ซึ่งความน่าเชื่อถือ ในส่วนของตลาดทุน ระบบ NDID จะช่วยลดขั้นตอนการพิสูจน์ตัวตนซ้ำอีกหากผู้ลงทุนเคยผ่านการพิสูจน์ตัวตนจากสมาชิกในระบบมาแล้ว จึงช่วยให้การเปิดบัญชีใหม่ทำได้เร็วขึ้นจากเดิมที่ผู้ลงทุนต้องผ่านการพิสูจน์ตัวตนทุกครั้งที่จะเปิดบัญชี
นายกิตติ สุทธิอรรถศิลป์ ผู้ช่วยผู้จัดการ หัวหน้าสำนักผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และกรรมการผู้จัดการ บจ.ฟินเน็ต อินโนเวชั่น เน็ตเวิร์ค กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ มุ่งมั่นพัฒนา ‘Digital Gateway’ เพื่อให้ก้าวสู่ตลาดทุนดิจิทัลเต็มรูปแบบ ตั้งแต่การเปิดบัญชี การจัดจำหน่ายกองทุนรวม การชำระเงิน การชำระอากรสำหรับสัญญาการแต่งตั้งตัวแทน ทั้งนี้ ฟินเน็ตช่วยผู้ประกอบการลดภาระการลงทุน การพัฒนาและบำรุงรักษาระบบ โดยเชื่อมโยงกับระบบ NDID ผ่าน Digital Gateway ของฟินเน็ตที่มีความสะดวก ปลอดภัย และประสิทธิภาพสูง
นายสิทธินัย จันทรานนท์ ผู้อำนวยการสังกัดสำนักงานรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายบริหารงานกฎหมายและบริหารทั่วไป เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล บมจ.การบินไทย กล่าวว่า ‘พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล’ ที่จะมีผลบังคับใช้ในเร็ว ๆ นี้ ได้กำหนดหน้าที่ให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลและผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลต้องดำเนินการหลายประการ อาทิ การแจ้งวัตถุประสงค์ การขอความยินยอม การปกป้องข้อมูล รวมถึงสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไว้อย่างชัดเจน ทั้งการเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคล สิทธิในการโอนย้ายข้อมูล รวมถึงสิทธิในการขอลบหรือระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลได้ ซึ่งผู้ควบคุมและผู้ประมวลผล ต้องเตรียมบุคลากรและระบบงานเพื่อที่รองรับการใช้สิทธิต่าง ๆ ของเจ้าของข้อมูลตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อหลีกเลี่ยงบทลงโทษที่อาจเกิดขึ้น