“It is not the strongest of the species that survives, nor the most intelligent that survives. It is the one that is the most adaptable to change.” เป็นวลีอมตะของ ‘ชาร์ล ดาร์วิน’ บิดาแห่งทฤษฎีวิวัฒนาการ และวลีดังกล่าวกำลังถูกทดสอบโดยนักลงทุนทั่วโลกว่าจะสามารถปรับตัวให้อยู่รอดในตลาดเงินตลาดทุนช่วงครึ่งหลังปี 2019 ได้หรือไม่
ต้นปี2019 เป็นหนึ่งในช่วงที่ตลาดการเงินอยู่กับความสับสน วุ่นวายและพลิกไปมาหลายตลบ นักลงทุนส่วนใหญ่อาจคิดว่าทางที่ดีที่สุดคือ “หลบไปจากตลาด” หรือรอให้ความผันผวนลดลงเสียก่อน
“ครึ่งปีแรกของปี2019”...กลับสวนทางกับแนวคิดนี้
สินทรัพย์ทางการเงินต่างๆ ไม่ได้ผันผวนไปกับทุกข่าวเหมือนแต่ก่อนและส่วนใหญ่ก็สร้างกำไรให้กับนักลงทุน เกิดเป็นคำถามมากมาย ตลาดไม่กังวลกับเรื่องวุ่นวายอย่างสงครามการค้าหรือเศรษฐกิจถดถอยแล้วหรือ
“พฤติกรรมตลาดที่เปลี่ยนไปนี้จะส่งผลอย่างไรในครึ่งปีหลัง อะไรคือสิ่งที่ตลาดคาดหวังไว้ อะไรคือความเสี่ยง และการลงทุนลักษณะไหนที่มีโอกาสได้ไปต่อ”
การหาคำตอบ มีสามขั้นตอนหลัก คือนักลงทุนต้องมอง ‘จุดเปลี่ยน’สำคัญของตลาดให้ออก ‘เข้าใจความเชื่อ’ ของตลาด และ ‘เลือกลงทุน’ ในสินทรัพย์ที่เหมาะสม
ย้อนกลับไปช่วงครึ่งแรกของปี 2019 จุดเปลี่ยนสำคัญที่ต้อง “ปักหมุด” มี 3 เรื่อง
จุดเปลี่ยนที่ 1 : ไฟเขียวปล่อยตัว เกิดในต้นเดือนม.ค.เมื่อ “เฟดส่งสัญญาณหยุดขึ้นดอกเบี้ย” เพียงไม่ถึงหนึ่งเดือนหลังการขึ้นดอกเบี้ยเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ‘นายเจอโรม พาวเวลล์’ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ก็ “กลับลำ” ส่งสัญญาณ “หยุด” ขึ้นดอกเบี้ย จบขาขึ้นของดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.50% และทำให้ตลาด “เชื่อ” ว่าเฟดมีโอกาสใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายลงได้
“สินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกตอบรับด้วยการปรับตัวขึ้นแทบทั้งหมด โดยการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนโดดเด่นที่สุดในเดือนม.ค.คือกลุ่มที่ราคาแปรผกผันกับดอกเบี้ยเช่น ‘กองทุนอสังหาฯ’ ,’ตราสารหนี้ภาครัฐ’ แถมด้วยการฉุดให้ ‘หุ้นตลาดเกิดใหม่’ ฟื้นตัว”
จุดเปลี่ยนที่ 2 : คือช่วงเดือนเม.ย. – พ.ค. “การค้าร้อน แต่บอนด์เย็นสบาย”
ช่วงปลายเดือนเ.ย. สงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ทวีความร้อนแรงขึ้น กดดันให้ตลาดการเงินพลิกกลับมา ‘ปิดรับความเสี่ยง (Risk Off)’ หุ้นตลาดเกิดใหม่ “คืนกำไร” ในปีนี้ไปกว่าครึ่ง แต่สินทรัพย์ที่ยังโดดเด่นอยู่คือ ‘ตราสารหนี้’ ทั้งพันธบัตรรัฐบาลและหุ้นกู้ทั่วโลก
จุดเปลี่ยนที่ 3 : จุดยูเทิร์นสุดท้ายในครึ่งปีแรก เกิดขึ้นช่วงเดือนมิ.ย. ตลาด “เชื่อ 100%” ว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยและสงครามการค้าจะมีบทสรุป
‘บอนด์ยีลด์’ แทบทุกประเทศ ทุกช่วงอายุ ปรับตัวลงทั้งหมด พร้อมกับตลาดที่เปิดรับความเสี่ยง หนุนให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้น ‘หุ้นสหรัฐ’ ทำจุดสูงสุดใหม่ในประวัติศาสตร์
ทั้งหมดชี้ว่าตลาดการเงินในต้นปี 2019 มีการปรับแนวคิดหันมาเชื่อว่าธนาคารกลางจะ “ต้องช่วยตลาด” ไม่กลัวความผันผวนหรือเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงเหมือนแต่ก่อน
ดังนั้นครึ่งหลังของปีนี้ นักลงทุนควรปรับมุมมอง และเตรียมใจรับ “3 ความท้าทาย” ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องจากความคาดหวังในช่วงครึ่งปีแรก