“Inverted Yield Curve”…แค่ผล-ไม่ใช่เหตุแห่ง ‘วิกฤติ’
>> ช่วงปลายวงจรขาขึ้นของเศรษฐกิจสหรัฐ ก็มีความกังวลว่าจะเป็นชนวนเหตุแห่ง ‘วิกฤติ’ รอบใหม่ของโลกหรือไม่ เหมือนทุก 10 ปี จะมี ‘วิกฤติ’ เกิดขึ้นครั้ง ก็มีการพยายามมองหาเครื่องมือที่จะมาใช้จับสัญญาณเตือนล่วงหน้ากัน หนึ่งในเครื่องมือที่พูดถึงกันมากตัวหนึ่งก็คือ “Inverted Yield Curve”
“Inverted Yield Curve”…แค่ผล-ไม่ใช่เหตุแห่ง ‘วิกฤติ’
ช่วงปลายวงจรขาขึ้นของเศรษฐกิจสหรัฐ ก็มีความกังวลว่าจะเป็นชนวนเหตุแห่ง ‘วิกฤติ’ รอบใหม่ของโลกหรือไม่ เหมือนทุก 10 ปี จะมี ‘วิกฤติ’ เกิดขึ้นครั้ง ก็มีการพยายามมองหาเครื่องมือที่จะมาใช้จับสัญญาณเตือนล่วงหน้ากัน หนึ่งในเครื่องมือที่พูดถึงกันมากตัวหนึ่งก็คือ “Inverted Yield Curve”
“หากเกิดปรากฎการณ์นี้ขึ้น เชื่อว่าจะตามมาด้วย ‘วิกฤติ’ รอบใหม่ในไม่ช้า”
ไม่มีสัญญาณเศรษฐกิจถดถอย
“Inverted Yield Curve นั้น มันเป็นผล ไม่ใช่เหตุแห่ง ‘วิกฤติ’ ปีนี้ความน่าจะเป็นในการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) จะปรับขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้เหลือศูนย์ไปแล้ว สหรัฐเองอาจจะเห็นตัวเลขเศรษฐกิจอะไรบางอย่างที่อาจจะมีสัญญาณไม่ดีซึ่งเกิดจากผลกระทบจากสงครามการค้ากับจีนแล้วก็ได้ จึงมีมุมมองต่อทิศทางดอกเบี้ยเช่นนี้”
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ ปรับตัวลดลงแล้ว
ปัจจุบันพันธบัตรสหรัฐ อายุ 2 ปี อัตราผลตอบแทนอยู่ประมาณ 2.5% สะท้อนมุมมองว่าดอกเบี้ยระยะสั้นน่าจะอยู่ตรงนี้ไม่ปรับขึ้น ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ อายุ 10 ปี ก็ปรับตัวลงมาอยู่ที่ 2.66% โดยประมาณ จากที่เคยทะลุ 3.0% ขึ้นไปช่วงต.ค.-พ.ย.18 แนวโน้มดอกเบี้ยระยะยาวตลาดก็ไม่ได้มองว่าจะปรับตัวขึ้น ส่วนต่างระหว่างผลตอบแทนพันธบัตร 2 ปี และ 10 ปี น่าจะอยู่ระดับนี้ได้“แต่ที่ต้องจับตาคือหากมีอะไรที่ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ อายุ10 ปี ปรับตัวลงต่ำกว่าพันธบัตรสหรัฐ อายุ 2 ปี นั่นสะท้อนว่าตลาดมองว่าดอกเบี้ยระยะยาวจะมีการปรับตัวลง ซึ่งอาจเป็นผลมาจากมุมมองต่อภาพเศรษฐกิจในระยะยาวด้วยเช่นกัน Inverted Yield Curve จึงเป็นผล...ไม่ใช่เหตุแห่ง ‘วิกฤติ’ แต่ประการใด อย่างไรก็ตามปัจจุบันท่าทีของธนาคารกลางทั่วโลกก็มีการใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายมากขึ้น พร้อมที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโตหากเศรษฐกิจมีการชะลอตัวลง ดังนั้นในปีนี้เราก็ยังไม่น่าจะเห็นเศรษฐกิจโลกถดถอยแต่ประการใด”
“กองทุนตราสารหนี้” ผลตอบแทนปีนี้ดีกว่าปีก่อน
เช่นเดียวกับ “วิน พรหมแพทย์” ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ.ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล จำกัด ที่มองว่า เศรษฐกิจโลกในปี19 เติบโตช้าจริงแต่ยังไม่ใช่ ‘เศรษฐกิจถดถอย (Recession)’ แน่นอน ส่วนแนวโน้มดอกเบี้ยในปี19 ยังอยู่ในขาขึ้น แต่จะขึ้นช้าลง โดยบริษัทคาดว่า FED จะขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ 1 ครั้ง เช่นเดียวกับ ‘คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)’ ที่คาดว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ 1 ครั้ง เช่นกัน ซึ่งดีต่อการลงทุนในตราสารหนี้
อย่างไรก็ตาม พัฒนาการของสงครามการค้าระหว่าง ‘สหรัฐ’ และ ‘จีน’ ยังคงเป็นสิ่งที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด เพราะจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกโดยรวมด้วยเช่นกัน
บทความโดย สรวิศ อิ่มบำรุง