บลจ.กสิกรไทย”...ปลื้มผลงาน 4 กองหุ้นต่างประเทศ ‘สหรัฐ-ยุโรป-เอเชีย-อินเดีย’ ผลงานดี เตรียมปันผลพร้อมกัน 14 พ.ค. นี้ มูลค่ากว่า 384 ล้านบาท แนะเพิ่มความระมัดระวังก่อนลงทุนเพิ่ม
นายนาวิน อินทรสมบัติ Chief Investment Officer บลจ.กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมจ่ายปันผล 4 กองทุนต่างประเทศ ได้แก่
- ‘กองทุนเปิดเค ยูเอสเอ หุ้นทุน (K-USA)’ สำหรับรอบผลการดำเนินงานตั้งแต่ 1 พ.ค. 18 - 30 เม.ย. 19 ในอัตรา 0.40 บาทต่อหน่วย
- ‘กองทุนเปิดเค ยูโรเปียน หุ้นทุน (K-EUROPE)’ สำหรับรอบผลการดำเนินงานตั้งแต่ 1 ส.ค.19 - 30 เม.ย. 19 ในอัตรา 0.35 บาทต่อหน่วย
- ‘กองทุนเปิดเค เอเชียน สมอลเลอร์ หุ้นทุน (K-ASIA)’ สำหรับรอบผลการดำเนินงานตั้งแต่ 1 พ.ย. 18 - 30 เม.ย. 19 ในอัตรา 0.30 บาทต่อหน่วย
- ‘กองทุนเปิดเค อินเดีย หุ้นทุน (K-INDIA)’ สำหรับรอบผลการดำเนินงานตั้งแต่ 1 ก.พ. - 30 เม.ย. 19 ในอัตรา 0.20 บาทต่อหน่วย
“โดยมีกำหนดจ่ายปันผลพร้อมกันในวันที่ 14 พ.ค. 19 รวมมูลค่าทั้งสิ้น 384.06 ล้านบาท”
นายนาวิน กล่าวต่อไปว่า ‘ตลาดหุ้นสหรัฐ’ เริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ต้นปี แตะที่ระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน โดยได้รับแรงหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาค่อนข้างดี ด้านผลประกอบการไตรมาสแรกออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ อย่างไรก็ตาม ยังต้องจับตาการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐ – จีน ซึ่งแม้จะมีความชัดเจนมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา แต่อาจพลิกโผหากข้อตกลงยังไม่เป็นที่พอใจของประธานาธิบดีทรัมป์ อีกทั้งตลาดหุ้นทั่วโลกอาจได้รับผลกระทบในระยะสั้น หากประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศปรับขึ้นอัตราภาษีเป็น 25%
“ด้าน ‘ธนาคารกลางยุโรป’ ส่งสัญญาณผ่อนคลายการขึ้นดอกเบี้ยมากขึ้น โดยยังคงอัตราดอกเบี้ยไปจนถึงสิ้นปีนี้ อย่างไรก็ดี ประเด็น Brexit แบบไม่มีข้อตกลงมีแนวโน้มลดลง ซึ่งส่งผลให้หุ้นเติบโตสูง (Growth stock) และหุ้นกลุ่มไอทีได้รับประโยชน์”
นายนาวิน กล่าวต่อไปว่า ‘ตลาดหุ้นเอเชีย’ ได้รับอานิสงส์จากการคาดการณ์การปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ มีแนวโน้มลดลง (Dovish) ทำให้เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศไหลกลับเข้ามาในภูมิภาคมากขึ้น อย่างไรก็ดี การเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียยังคงแข็งแกร่ง ค่าเงินมีเสถียรภาพ อีกทั้งระดับราคาหุ้นซื้อขายถูกกว่าเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่น ส่วนเศรษฐกิจ ‘อินเดีย’ ได้รับแรงหนุนจากการบริโภคในประเทศ ธนาคารกลางอินเดียสามารถผ่อนคลายนโยบายทางการเงิน โดยปรับลดดอกเบี้ยสู่ระดับ 6% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้ อย่างไรก็ดี ควรจับตาผลการเลือกตั้งช่วงปลายเดือน พ.ค. ซึ่งคาดว่าพรรคบีเจพีของนายโมดีมีแนวโน้มได้เป็นรัฐบาลต่อไป ซึ่งจะส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นอินเดีย
“บริษัทยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นยุโรป เอเชีย และอินเดีย อย่างไรก็ตามแนะนำให้ประเมินสถานการณ์ก่อนเข้าลงทุนเพิ่มเติม ในขณะที่หุ้นสหรัฐ แนะนำให้ชะลอการเข้าลงทุน เพื่อรอประเมินสถานการณ์การลงทุนต่อไป”